
GREAT STYLE FOR EVERYONE
Discover New Arrivals
Lorem ipsum dolor sit amet
Spring-Summer 2019 Collection
Lorem ipsum dolor sit amet
on women summer collection
on women summer collection
TESTIMONIALS
latest news from the
เวลาเราเห็นภาพหรือดีไซน์บางอย่างแล้วรู้สึกแปลกตา ลายตา หรือไม่สบายตา ทั้งที่สีแต่ละสีสวยในตัวมันเองเสมอ ความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้เกิดจากความชอบส่วนตัวเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสายตาและสมองโดยตรง เพราะการมองเห็นสีเป็นกระบวนการที่ละเอียดกว่าที่คิด สมองต้องประมวลผลหลายอย่างพร้อมกัน ทั้งความสว่าง ความเข้ม ความอิ่มสี และอุณหภูมิของสี หากสีสองสีมี “น้ำหนัก” ใกล้เคียงกันเกินไป หรือดึงสายตาแรงพอ ๆ กัน สมองจะไม่รู้ว่าควรโฟกัสที่อะไร จึงเกิดความรู้สึกเหมือนสีทั้งสองกำลังชนกัน…
ถ้าคุณเลื่อนฟีดโซเชียลไปเรื่อย ๆ แล้วหยุดดูสักโพสต์หนึ่ง ให้ลองถามตัวเองเล่น ๆ ว่าอะไรคือสิ่งแรกที่คุณรู้สึกได้ระหว่างเนื้อหา แคปชัน หรือโทนสีของภาพ ส่วนใหญ่แล้วคำตอบมักจะเป็นอย่างหลังเพราะเราจับอารมณ์จากสีของรูปก่อนจะทันอ่านข้อความด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่เติบโตมากับหน้าจอและภาพแบบเต็มรูปแบบ สีจึงไม่ใช่แค่ของตกแต่งอีกต่อไป แต่ทำงานเป็นเหมือน “ภาษาอารมณ์” ที่สมองแปลอัตโนมัติได้เร็วพอ ๆ กับเวลาเห็นอีโมจิในแชท เมื่อโทนสีทำงานเร็วกว่าคำพูด…
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราเริ่มเห็นงานออกแบบที่กล้าจับคู่สีแปลกตา สีชนกัน สีแรงกับสีแรง จนบางครั้งดู “ผิดกฎ” ทฤษฎีสีแบบเดิม แต่กลับรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์และตรงกับอารมณ์ของยุคสมัยอย่างประหลาด แนวคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความไม่รู้ทฤษฎี หากแต่เป็นการตั้งใจท้าทายกรอบเดิม ๆ ของการใช้สี จนถูกเรียกรวม ๆ ว่า Anti-Color Theory ในอดีต การเลือกสีถือเป็นศาสตร์ที่ค่อนข้างมีกรอบ เช่น…
เวลาที่เรานั่งดูหนังหรือซีรีส์ สีไม่ได้เป็นแค่องค์ประกอบบนจอ แต่มันค่อย ๆ พาอารมณ์และสายตาเราไปในทิศทางที่ผู้กำกับวางไว้ ตั้งแต่ความอุ่นของแสงในฉากรักโรแมนติก ไปจนถึงความเย็นชืดของเมืองที่ห่อความโดดเดี่ยวของตัวละครหลัก ดังนั้น สีจึงไม่ใช่เพียงแค่งานศิลป์ แต่คือ “ภาษา” ที่ส่งสารเรื่องอารมณ์ อำนาจ และทัศนคติทางวัฒนธรรมได้โดยไม่ต้องเอ่ยคำ มนุษย์ตอบสนองต่อสีด้วยสัญชาตญาณ เช่น สีแดงสื่อถึงความเร้าใจหรือความโกรธ สีฟ้าให้ความสงบ สีเขียวหม่นทำให้รู้สึกอึดอัด และสีเหลืองสดสะท้อนพลังชีวิต…
ทำไมผู้หญิงต้องสีชมพู ผู้ชายต้องสีฟ้า? คำถามสั้น ๆ นี้พาเราไล่สายตาย้อนกลับไปคิดว่า สีไม่ได้เป็นเพียงรสนิยมส่วนตัว แต่คือการสะท้อนโครงสร้างทางสังคมที่เราถูกปลูกฝังมาอย่างยาวนาน ความเชื่อเรื่อง “สีประจำเพศ” ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่มันถูกสร้างและขยายผ่านระบบอุตสาหกรรม แฟชั่น การตลาด สื่อ ของเล่นเด็ก และภาพจำทางวัฒนธรรมที่ค่อย ๆ ซึมเข้ามาในชีวิตประจำวัน ในโลกทุกวันนี้สีเป็นมากกว่าเฉดที่เห็นบนวัตถุ มันกลายเป็นระบบภาษาที่บ่งบอกว่าเรามองตัวเองอย่างไร…



