เทรนด์การตกแต่งและงาน Do It Yourself เติบโตอย่างต่อเนื่องในหลากประเทศทั่วโลก เนื่องจากเป็นการสร้างสิ่งของด้ายตนเอง จึงตอบโจททย์ความชอบเฉพาะตัว ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญสำหรับงาน DIY คือ สีที่มีบทบาทในการสร้างความสวยงาม บรรยากาศ และอารมณ์ทางสุนทรียะให้กับสิ่งของและพื้นที่นั้น ๆ
The Code Color ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและพัฒนาสี ขอแนะนำโทนสีที่ได้รับความนิยมสูงในปีนี้ พร้อมแนวทางการเลือกใช้สีให้เหมาะสมกับวัสดุและลักษณะตกแต่งงาน DIY เพื่อเพิ่มคุณค่าและเอกลักษณ์ให้กับเฟอร์นิเจอร์
4 โทนสี DIY มาแรงในงานตกแต่งเฟอร์นิเจอร์
โทนสีที่ได้รับความนิยมสำหรับการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์และงาน DIY ชนิดอื่น ๆ แตกต่างตามช่วงเวลา แต่หากคุณต้องการสร้างเฟอร์นิเจอร์ที่มีความมินิมอลตามเครื่องใช้ในท้องตลาด สามารถเลือกประยุกต์ใช้โทนสีเหล่านี้ตามความชอบ จนสร้างงานที่สะท้อนและถ่ายทอดตัวตนของคุณอย่างแท้จริง
โทนสีธรรมชาติสร้างความอบอุ่น (Earth Tones)
โทนสีธรรมชาติได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ งานคราฟต์ และการตกแต่งภายในบ้าน เพราะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่น และเป็นมิตร จึงเหมาะสำหรับวัสดุไม้เปลือย โลหะเคลือบด้าน และพลาสติกพ่นเคลือบกึ่งเงา ประกอบด้วยเฉดสี เช่น Sand Beige, Clay Brown, Olive Green
พาสเทลนุ่มละมุน (Soft Pastels)
โทนพาสเทลเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสื่อถึงตัวตนที่เรียบง่าย อ่อนโยน และมีความเป็นมิตร โดยเป็นโทนสีที่ได้รับความนิยมสำหรับงานตกแต่งร่วมสมัย ซึ่งเหมาะกับชิ้นงานที่ใช้พลาสติก ABS แผ่น MDF หรือกระจกพ่นสี ที่ล้วนมีผิวสัมผัสแบบเนียนเรียบ จึงควรเลือกใช้เฉดสี เช่น Baby Blue Mint Green Lavender
Modern Industrial
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสไตล์ลอฟท์หรือการตกแต่งแบบอินดัสเทรียล โทนสีเหล่านี้ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง เรียบหรู และทันสมัย เช่น Charcoal Grey Metallic Gunmetal Matte Black นิยมใช้กับชิ้นงานโลหะ เหล็ก อะลูมิเนียม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นโครงสร้างแบบเปิด
สีส้มอมชมพู (Apricot Crush)
สี Apricot Crush ซึ่งเป็นหนึ่งในสีที่ Pantone Color of the Year ปี 2024 ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง สีนี้เหมาะกับงานตกแต่งที่ต้องการสื่อสารพลังบวก ความอบอุ่น และสุขภาพดี เหมาะอย่างยิ่งกับการจับคู่กับสีพื้นอ่อน เช่น ขาว ครีม หรือเทาอ่อน เพื่อเพิ่มมิติให้กับชิ้นงาน
สิ่งที่ควรพิจารณาสำหรับการเลือกใช้สีในงาน DIY ประเภทต่าง ๆ
1.พื้นผิวของวัสดุ
ในการดำเนินงาน DIY โดยเฉพาะการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ภายในบ้าน ควรคำนึงถึงพื้นผิวของวัสดุที่จะใช้ เนื่องจากพื้นผิวมีผลโดยตรงต่อการยึดเกาะของสี ความสว่าง ะการสะท้อนแสง รวมถึงความเรียบเนียนและความทนทานของผิวงานหลังการทาหรือพ่นสีที่คุณชื่นชอบ เช่น
ไม้
ไม้เป็นวัสดุพื้นฐานที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มงาน DIY เนื่องจากสามารถดูดซับเนื้อสีได้ดีและให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับเอิร์ธโทน เช่น สีน้ำตาลอบอุ่น สีไม้ธรรมชาติ สีขาวด้าน หรือโทนสีด้านที่ให้ความรู้สึกเรียบง่ายและอบอุ่น เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายในและของใช้ประจำบ้าน
โลหะ
วัสดุประเภทเหล็กและอะลูมิเนียมจำเป็นต้องผ่านกระบวนการเตรียมผิวอย่างถูกวิธี เช่น การลงไพรเมอร์ก่อนพ่นสี เพื่อให้เนื้อสีสามารถยึดเกาะได้ดี สีที่เหมาะสมคือกลุ่ม Modern Industrial เช่น สีดำด้าน เทาเข้ม หรือสีเมทัลลิก ซึ่งเน้นความดิบ เท่ และให้ลุคแบบอุตสาหกรรมที่ทันสมัย
พลาสติกและกระจก
พื้นผิวเรียบมันของพลาสติกและกระจกต้องการสีที่มีคุณสมบัติพิเศษในการยึดเกาะ เช่น สีพ่นสูตรสำหรับวัสดุเฉพาะ หรือมีไพรเมอร์ในตัว สีแนะนำคือโทน พาสเทล และ สีเอฟเฟกต์ เช่น เขียวมิ้นต์ ม่วงลาเวนเดอร์ ชมพูอ่อน หรือโทนเงามุก เพื่อให้ชิ้นงานดูโดดเด่นทันสมัย
2.การใช้งาน
การเลือกสีสำหรับงาน DIY ควรคำนึงถึงลักษณะการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งนั้น ๆ ด้วย เพื่อให้สีที่เลือกตอบโจทย์ทั้งด้านมีความทนทานและคงความสวยงามได้อย่างยาวนาน โดยเฉพาะกับเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งที่มีการใช้งานเป็นประจำหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมเฉพาะ เพื่อระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนาน ดังนี้
ชิ้นงานที่วางภายนอกอาคาร (Outdoor)
ควรเลือกใช้สีพ่นที่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันรังสี UV และทนแดดฝน เพื่อป้องกันการซีดจาง ลอกล่อน หรือด่างไม่สม่ำเสมอเมื่อโดนแสงและความชื้น เช่น ชุดโต๊ะสนาม กระถางต้นไม้ ชั้นวางระเบียง
ของใช้ภายในบ้าน (Indoor)
เช่น โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เก็บของ หรือของตกแต่งผนัง สามารถเลือกใช้โทนสีที่หลากหลายได้มากขึ้น เช่น สีพาสเทล สีด้าน หรือสีเงา โดยไม่จำเป็นต้องทนแดดมาก แต่ควรเลือกสีที่ ไม่มีกลิ่นฉุน ปลอดภัย และแห้งไว สำหรับพื้นที่ปิด
3.เฉดสีเฉพาะแบรนด์ (CI)
หากงาน DIY ของคุณไม่ได้เป็นเพียงของตกแต่งภายในบ้าน แต่เป็นเฟอร์นิเจอร์หรือของใช้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น ป้ายร้าน ชั้นวางสินค้า หรือของตกแต่งร้านค้า ซึ่งเป็นเครื่องใช้ในกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ทำให้เฉดสีที่ตรงกับภาพลักษณ์แบรนด์ (CI) จึงมีความสำคัญอย่างมาก
ผู้ตกแต่งควรพิจารณาเฉดสีเฉพาะที่เหมาะกับแบรนด์ เพื่อให้ตอบโจทย์วัตถุประสงค์การตกแต่ง เช่น การสร้างความน่าเชื่อถือ ความประทับใจ และภาพจำให้กับผู้พบเห็น
บริการผลิตสี DIY ตรงเฉดจาก The Code Color เพื่องานสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ
หากคุณกำลังมองหาสีสำหรับโปรเจกต์ Do It Yourself The Code Color พร้อมให้บริการผสมสีเฉพาะทางแบบครบวงจร เพื่อรองรับงานสร้างสรรค์ของคุณทุกประเภท
เราสามารถผสมสีตามตัวอย่างจริง หรือโค้ดสีมาตรฐาน เช่น Pantone, RAL เพื่อสร้างเฉดสีที่ แม่นยำและสม่ำเสมอ เหมาะกับการใช้งานในงานออกแบบ เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่ง DIY ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสีด้าน สีเงา หรือสีพิเศษเฉพาะโทน
สีมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับวัสดุหลากหลาย
งานพ่นสี DIY นอกจากความหลากหลายจากสีแล้ว ควรเลือกสีพ่นที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้กับวัสดุหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไม้ โลหะ พลาสติก กระจก หรือวัสดุผสมอื่น ๆ โดยมีคุณสมบัติ ยึดเกาะดี ทนทาน ปลอดภัย และเหมาะกับทั้งงานภายในและภายนอกอาคาร
ผลิตและจัดส่งรวดเร็ว
ภายใน 24 – 48 ชั่วโมง คุณสามารถรับสีสำหรับ DIY ที่ตรงตามความต้องการและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสต๊อกแม่สีและวัตถุดิบพร้อมใช้งาน เพื่อทำการผสมมีในรูปแบบดิจิทัล ควบคู่กับการบริการอย่างมืออาชีพจากทีมจัดส่งทั้งภายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แม้จะสั่งเพียง 0.5 ลิตร
ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์แบบ DIY อย่างมั่นใจด้วย The Code Color
หนึ่งในเทรนด์การออกแบบที่มาแรงในปี 2025 คือ ของใช้ภายในบ้านแบบ DIY ซึ่งสามารถสร้างเอกลักษณ์ด้วยโทนสีที่สะท้อนเอกลักษณ์และรสนิยมเฉพาะตัวที่สามารถเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดิมในดูทันสมัย เช่น ชั้นวาง โต๊ะ หรือกล่องเก็บของ สีจึงกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยยกระดับงาน DIY จากวัสดุหลากหลายประเภทให้ดูโดดเด่น มีสไตล์ และใกล้เคียงงานระดับมืออาชีพ
The Code Color ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสีพร้อมให้บริการผสมสีตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเฉดสีมาตรฐาน หรือสี Custom สำหรับงานอดิเรก เฟอร์นิเจอร์ทำมือ และสินค้าตกแต่งที่ต้องการเอกลักษณ์เฉพาะติดต่อ The Code Color ได้เลยวันนี้ เราพร้อมช่วยให้ไอเดียในจินตนาการของคุณเป็นจริงในทุกเฉดที่ต้องการ