สีมุก (Pearlescent Color) คือสีที่มีลักษณะพิเศษจากการสะท้อนและหักเหแสงหลายทิศทาง โดยใช้อนุภาคไมกาหรือเซรามิกเคลือบไททาเนียมไดออกไซด์ และเหล็กออกไซด์เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้เกิดเอฟเฟกต์เปลี่ยนสีเมื่อมองจากมุมต่างกัน (Color-Shift) เพิ่มไดนามิกและดูมีความเป็นสามมิติมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้พื้นผิววัสดุมีความมันเงาวาว ให้ภาพลักษณ์ที่หรูหรามีระดับยิ่งขึ้น เช่น สีขาวมุกที่อาจสะท้อนโทนเหลืองอ่อนหรือสีรุ้ง เป็นต้น
สีมุกนิยมนำมาผลิตเป็นสีพ่นสเปรย์และใช้ในงานออกแบบใดบ้าง?
สีมุก (Pearlescent Paint) ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในฐานะวัสดุออกแบบที่สร้างมิติแสงอันซับซ้อน ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่เปลี่ยนโทนสีเมื่อมองจากมุมต่าง ๆ จากการหักเหแสงของอนุภาคเซรามิกและไมกา ทำให้สีมุกกลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับงานที่ต้องการความละเอียดอ่อนและความพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อผลิตในรูปแบบสีพ่นสเปรย์ที่ใช้งานสะดวก
การประยุกต์ใช้สีมุกในงานยานยนต์
อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นกลุ่มหลักที่ใช้สีพ่นสเปรย์สีมุก เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว รถยนต์หรูและรถสปอร์ตมักเลือกสีมุกเช่น ขาวมุกโทนเหลืองอ่อนหรือดำมุกอมน้ำเงิน เพื่อเพิ่มความล้ำสมัย ตัวอย่างเช่น สีมุกเงิน (Silver Pearl) ที่ใช้พ่นล้อแม็กหรือกระจกมองหลัง ช่วยเสริมความโดดเด่นให้รถดูมีชีวิตชีวา สีมุกแดง (Red Pearl) ก็เป็นที่นิยมในรถปรับแต่งพิเศษเพราะให้เอฟเฟกต์ไดนามิกเมื่อสัมผัสแสง
การตกแต่งภายในพื้นที่เชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัย
สีพ่นสเปรย์สีมุกถูกนำมาใช้สร้างบรรยากาศหรูในร้านค้าและบ้านเรือนผ่านการพ่นผนังสีครีมมุกหรือเทามุก โดยเฉพาะห้องรับแขกและห้องนอนที่ต้องการความสง่างาม สีมุกโทนอุ่นอย่างคาเมลมุกช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นคล้ายแสงธรรมชาติ ในขณะที่สีเทาเงินมุกให้ความรู้สึกเย็นและทันสมัย สำหรับร้านอาหารหรู มักใช้สีมุกทองสัมฤทธิ์ผสมในการพ่นวัสดุเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ประกอบกับแสงไฟ เพื่อสร้างภาพลวงตาของการเคลื่อนไหว
งานศิลปะและหัตถกรรมสร้างสรรค์
นักออกแบบและช่างฝีมือนิยมใช้สีพ่นสเปรย์มุกในงาน DIY เนื่องจากให้เอฟเฟกต์ที่สวยงาม การพ่นสีมุกบนเครื่องปั้นดินเผาหรือเฟรมรูปภาพจะช่วยเปลี่ยนของธรรมดาให้เป็นงานศิลปะระดับพรีเมียม ตัวอย่างเช่น การใช้สีพ่นสเปรย์มุกรุ้ง (Iridescent Pearl) กับโคมไฟกระดาษสามารถสร้างแสงสะท้อนสีรุ้งได้อย่างน่าทึ่ง
ข้อได้เปรียบของสีพ่นสเปรย์มุก
การผลิตสีมุกในรูปแบบสีพ่นสเปรย์จะช่วยให้ควบคุมความหนาแน่นของเกล็ดมุกได้แม่นยำ ผ่านการพ่นหลายชั้น เพื่อปรับระดับความแวววาว โดยเฉพาะสีพ่นสเปรย์รุ่นใหม่ ๆ ที่พัฒนาสูตรพิเศษ สามารถทนต่อรังสียูวีและรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับใช้กลางแจ้ง ทั้งยังมีระบบพ่นแบบ 3 ขั้นตอน (Base Coat-Pearl Coat-Clear Coat) ที่ให้ความลึกของสีระดับมืออาชีพอีกด้วย
โทนสีมุกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีสีมุกอะไรบ้าง?
- สีขาวประกายมุก: เป็นราชินีแห่งเฉดสีมุกคลาสสิกที่ไม่มีวันตกเทรนด์ ด้วยความสามารถในการสะท้อนแสงสีเหลืองทองหรือสีรุ้งอ่อน ๆ ใต้แสงธรรมชาติ ทำให้เหมาะสำหรับงานออกแบบที่ต้องการความสะอาดตาแต่ไม่น่าเบื่อ สีขาวมุกโทนเหลืองอ่อนมักถูกใช้ในรถยนต์หรูอย่าง Mercedes-Benz หรือ BMW เพื่อสร้างภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบระหว่างความทันสมัยและความคลาสสิก
- สีแบล็คเพิร์ล: มาพร้อมความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในเฉดสีดำอมน้ำเงินหรือเขียว เมื่อสัมผัสแสงจะเกิดเอฟเฟกต์แสงวาบแบบสามมิติ เหมาะสำหรับการสร้างเอกลักษณ์ให้ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม เช่น กระเป๋าแบรนด์เนมหรือมอเตอร์ไซค์สปอร์ตรุ่นพิเศษ การใช้สีดำมุกในงานสถาปัตยกรรมร่วมสมัยยังช่วยลดความดุดันของสีดำทึบทั่วไป โดยเพิ่มความน่าสนใจผ่านการเล่นกับพื้นผิวและแสง
- สีไข่มุกแดง: เป็นตัวแทนของความร้อนแรงที่ควบคุมได้ ผ่านการผสมผสานระหว่างสีแดงสดกับประกายมุกอมส้มหรือชมพู มักพบในรถสปอร์ตอย่าง Mazda รุ่น CX-5 ที่ใช้เทคโนโลยีสี Soul Red Crystal ซึ่งให้เอฟเฟกต์สีเปลี่ยนตามมุมมอง สีนี้ยังถูกนำมาใช้ในบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางระดับสูง เพื่อสร้างความโดดเด่นแบบไม่ฉูดฉาด
การผลิตสีพ่นสเปรย์ในเฉดสีมุกนั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพราะทาง THE CODE COLOR สามารถตรวจสอบและสั่งผลิตเป็นสีสเปรย์พ่นได้ในทุกพื้นผิววัสดุ เราสามารถสั่งผลิตสีมุกใหม่ ๆ ตาม PANTONE หรือตามตัวอย่างที่ได้มา สีคมชัด มาตรฐานสูงเกาะติดแน่นทนนานกับทุกพื้นผิวชิ้นงาน เราจัดให้ได้เป๊ะตามคำขอทุกเฉดสี ท่านใดสนใจติดต่อสอบถามทีมงานของเราโดยตรงได้เลย